รายงานทุกสถานการณ์ข่าว

จากราคาทองย้อนหลัง นสพ. วอลล์สตรีท เจอร์นัล อ้างอิงแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอาจประกาศแผนสําหรับการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเมื่อเขาพบกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนในช่วงการประชุม ณ ทําเนียบขาว ในเวลา 03.30 น.ตามเวลาไทยในวันศุกร์นี้ ด้านนายแลร์รี คัดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทําเนียบขาวกล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน “มีความคืบหน้าที่ดี” และทั้ง 2 ฝ่ายมุ่งหวังที่จะลดความคิดเห็นที่ไม่ ตรงกัน ทัศนะบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าหนุนความต้องการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุน จนทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยถูกลดความน่าสนใจลง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดังกล่าว ส่งผลให้สกุลเงินหยวนของจีนรักษาแรงบวกเมื่อเทียบกับดอลลาร์ไว้ได้ ซึ่งพยุงราคาทองคําไว้เช่นกัน ส่งผลให้ราคาทองวันนี้ ระหว่างวันจึงมีลักษณะการเคลื่อนไหวในกรอบ ทั้งนี้แนะนําว่าเมื่อราคาทองคําขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ แนะนําขายทํากําไรบางส่วน โดยนักลงทุนอาจรอเข้าซื้อเมื่อราคามีการย่อตัวเข้าใกล้บริเวณแนวรับ…

ราคาทองคําช่วงเช้าวันนี้ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ของปีนี้ได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ล่าสุดราคาทองวันนี้ได้รับแรงหนุนหลังสํานักข่าว บลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐฯได้เพิ่มแรงกดดันให้จีนรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวนและหยุดใช้นโยบายลดค่าเงินหยวน เพื่อให้เกิดการค้าที่เป็นธรรม ระหว่างกัน ในช่วงการเจรจาการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายที่ดําเนินมา ซึ่งสหรัฐฯได้ทําร่างบันทึกข้อตกลงที่รวมประเด็นเรื่องค่าเงินเสร็จแล้ว และรอการ เห็นชอบจากประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้หยวนแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์และส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง นอกจากนี้นักลงทุนจับตาการเปิดเผย FOMC Meeting Minutes ประจําวันที่ 29-30 ม.ค. ที่ผานมา ซึ่งจะเปิดเผยกลางคืนของคืนวันนี้ 02.00 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักลงทุนคาดหวังว่าจะมีแนวโน้มเชิงผ่อนคลาย และอาจส่งสัญญาณชะลอการปรับลดขนาดงบดุล (Balance Sheet) เพื่อยับยั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเดินหน้าใช้มาตรการภาษีระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งหากยังคงเป็นไปในเชิงDovish จะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองวันนี้ให้ทรงตัวในระดับสั่งได้อย่างต่อเนื่อง ด้านปัจจยทางเทคนิคประเมินว่า ระหว่างวันหากราคาทองวันนี้ไม่หลดุ1,335 ดอลลาร์ต่อออนซ์จะมีโอกาสดีดตัวขึ้นต่อ โดยหากยืนเหนือระดับแนวต้านแรกบริเวณ 1,352 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้การขยับขึ้นจะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,366 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่หากหลุดแนวรับแรก แนวรับถัดไปจะอยู่ที่…

จากราคาทองภาคบ่าย เรือพิฆาตติดตั้งระบบขีปนาวุธนำวิถีสหรัฐจํานวน 2 ลําลองเข้าใกล้พืนที่ในระยะ 12 ไมล์ทะเลของแนวปะการังมิสชีฟในหมู่เกาะสแปรตลีย์ใน ทะเลจีนใต้ที่อ้างกรรมสิทธิ์โดยจีน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีแนวโน้มสร้างความไม่พอใจแก่จีน ในช่วงที่กําลงจะเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งนำโดยรองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอของจีน กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มูนชิน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐ ในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ก็ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ราคาทองคํา จึงขยับขึ้นได้ไม่ไกล ทั้งนี้แนะนําเก็งกําไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวของราคาทอง เมื่อราคาทองคํามีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ นักลงทุนอาจเข้าซื้อเก็งกําไรระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,307-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่หากราคาทองหลุดแนะนำชะลอการเข้าซื้อเพื่อรอดูสถานการณ์และเมื่อราคาทองขยับขึ้นให้จับตาโซนแนวต้านระดับ 1,319 ดอลลาร์ต่อออนซ์หากราคาทองคําทดสอบและยังไม่ สามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้นักลงทุนอาจขายทองทํากําไรออกมาเมื่อราคาขยับขึ้น ที่มา ylgbullion.co.th >> อัพเดตราคาทอง <<  

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเตือนว่าเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญ กับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ซึ่งรวมถึงการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ความวิตกดังกล่าว กดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลง ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าเคลื่อนไหวในแดนลบโดยร่วง 0.63% จนฉุดให้ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงตามและส่งผลเชิงลบต่อการเปิดตลาดของหุ้นตลาดวอลล์สตรีทในคืนนี้ แม้ว่าประเด็นดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อราคาทองคํา แต่ราคาก็อาจขยับขึ้นได้ไม่ไกล ทั้งนี้ แนะนําหากราคาขยับขึ้นให้จับตาโซนแนวต้านระดับ 1,290 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพราะหากราคาทองคําทดสอบโซนดังกล่าวแต่ยังไม่สามารถขึ้นไปยืนได้ อาจแบ่งทองคําออกขาย โดยในระยะสั้นหากราคาทองคํามีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ นักลงทุนสามารถเข้าซื้อเก็งกําไรระยะสั้นเพื่อหวังทํากําไรจากการดีดตัวอีกครั้ง โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,265 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ที่มา ylgbullion >> อัพเดตราคาทอง <<

ราคาทองคํา วานนี้ ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังปอนด์และยูโรแข็งค่าขึ้นขานรับข่าวที่ว่าคณะรัฐมนตรี อังกฤษได้ลงมติอนุมัติร่างข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากร่างข้อตกลงดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบร่วมกันระหว่างตัวแทนการเจรจาของอังกฤษ และสหภาพยุโรป (EU) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ร่วงลง -0.5% สู่ 96.803 หลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือนที่ 97.693 ในวันจันทร์จนเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคํา นอกจากนี้ ทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดดิ่งลงกว่า 200 จุด นําโดยการร่วงลงเข้าสู่ตลาดหมีของหุ้นแอปเปิลจากการคาดการณ์ว่ายอดขาย iPhone จะตกตํ่าลงในอนาคต รวมไปถึงการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มธนาคารจากความวิตกว่าภาคธนาคารจะเผชิญกับกฏระเบียบที่เข้มงวดขึ นหลังพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ปัจจัยเหล่านี หนุนให้ราคาทองคําพุ่งขึ้น 1% และขึ้นไปแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,216.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวัน สําหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยยอดค้าปลีก, ดัชนีภาคการผลิตรัฐนิวยอร์ค (EmpireState Index) ผลสํารวจแนวโน้มธุรกิจเดือนพ.ย.เฟดฟิ…

ราคาทองคํา ช่วงเช้าปรับตัวลงทําระดับตํ่าสุดใหม่และทรงตัวใกล้ระดับตํ่าสุดในรอบ 18 เดือน ทั้งนี้ราคาทองคําถูกกดดันต่อเนื่องจากแรงซื้อ ดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย จากความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตุรกี โดยประธานาธิบดีตุรกี ประกาศว่าจะควํ่าบาตรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของ สหรัฐ ซึ่งรวมถึง iPhone ของบริษัทแอปเปิล อิงค์ เพื่อตอบโต้มาตรการของสหรัฐในการเพิ่มอัตราภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นําเข้าจากตุรกี นอกจากนี้ ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ดําเนินต่อไป และใกล้ถึงวันที่สหรัฐจะทํา Public Hearings เพื่อพิจารณาเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ ในวันที่ 20-23 ส.ค. ขณะที่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาร่วมกันเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้า สถานการณ์ดังกล่าวผลักดันให้ Dollar Index ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน ขณะที่หยวนอ่อนค่าลงมาอยู่แถวบริเวณ 6.9067 หยวนต่อ ดอลลาร์ สําหรับวันนี้ แนะนําติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ อาทิ ยอดค้าปลีก…